ข้อควรรู้เกี่ยวกับวิธีรักษาฝ้าด้วยการทายา

ข้อควรรู้เกี่ยวกับวิธีรักษาฝ้าด้วยการทายา

การรักษาฝ้านั้นเป็นสิ่งที่ยากมากเพราะว่าส่วนใหญ่จะฝังแน่นและหากใช้ครีมต้องใช้ครีมชนิดที่รุนแรงหากไม่ปรึกษาแพทย์และปฏิบัติไม่ถูกวิธีก็จะเกิดอันตรายต่อผิวหน้าของเราได้และอีกอย่างการรักษาฝ้านั้นต้องใจเย็นใช้เวลานานแรมเดือนหากใช้ครีมในการรักษาแต่ทางการแพทย์สมัยใหม่นั้นจะเป็นวิธีที่ให้ผลรวดเร็วแต่แพงจะมีอยู่หลายวิธีเช่นการทายา การใช้เลเซอร์หรือหลายวิธีผสมกันภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังซึ่งค่อนข้างจะปลอดภัยเพราะอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวันนี้เราจะมีวิธีรักษาฝ้าด้วยการทายามาฝากเพื่อให้ทุกคนได้ศึกษาหาความรู้ไปดูกันได้หรือว่าเป็นอย่างไร

รักษาฝ้า

วิธีรักษาฝ้าด้วยการทายา

วิธีรักษาฝ้าด้วยการทายา

  1. วิธีรักษาฝ้าด้วยการใช้ยาชนิดได้คือการใช้ยาชาชนิดสเตอรอยด์เพื่อหยุดยั้งการสร้างเม็ดสี แต่วิธีนี้จะมีผลข้างเคียงทำให้หน้าบางเส้นเลือดฝอยขนาดใหญ่มีขนขึ้นที่ใบหน้าและส่วนอย่างอื่นมากกว่าเดิมและอาจมีสิวขึ้นมากอีกด้วย
  2. วิธีรักษาฝ้าวิธีต่อมาคือการใช้ยาที่มีส่วนผสมของวิตามินเออย่างเดียวแต่นั่นอาจจะลอกฝ้าได้ไม่ดีเท่ากับครีมหรือยาที่มีวิตามินเอร่วมกับสารไฮโดรควิโนนในปริมาณที่ต่ำซึ่งจะลอกฝ้าได้ดีกว่า
  3. ต่อมาเป็นการใช้ยาลอกหน้าขาวกลุ่มไฮโดรควิโนน วิธีการรักษาฝ้าวิธีนี้จะทำให้เซลล์ไม่สร้างเม็ดสีเมลานินความแรงของยาขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของยาซึ่งวิธีอาจทำให้ฝ้าจางลงได้แต่อาจทำให้เป็นผื่นแพ้ได้จึงควรทดสอบโดยชาที่แขนทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วันห้ามหลังออกดูว่ามีผื่นแดงขึ้นหรือไม่ถ้ามีก็ห้ามใช้ยานี้อย่างเด็ดขาด
  4. วิธีรักษาฝ้าด้วยการทายาวิธีต่อมาคือการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนกับยาเรตินนอยด์และ AHA จะทำให้นอกฝ้าได้ดีขึ้นแต่จะระคายเคืองต่อผิวหนังมากขึ้นต้องทานติดต่อกันนานและต้องทาครีมกันแดดทุกวันด้วย
  5. วิธีรักษาฝ้าด้วยครีมทาฝ้าที่มีการผสมของไฮโดรควิโนนกับกรดเรทิโนอิกขนาด 01 ถึง 0.05% และ สเตอรอยด์วิธีรักษาฝ้าวิธีนี้จะทำให้หยุดการสร้างเม็ดสีการผลัดเซลล์เร็วขึ้นผลข้างเคียงคืออาจทำให้หน้าบางลงแต่จะใช้ได้ผลดีก่อนใช้ควรทดสอบการแพ้โดยทาที่ท้องแขนสัก 2-3 วันและขณะที่ใช้ควรหลบแดดทาผิวกันแดดด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีรักษาฝ้าด้วยการทายาที่เรานำมาฝากในวันนี้ ซึ่งบอกได้เลยว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งข้อดีอาจจะทำให้ฝ้าหายเร็วขึ้นข้อเสียคือหากทาอย่างไม่ระมัดระวังอาจจะทำอันตรายต่อผิวหน้าของเราได้และยังมีราคาแพงอีกต่างหากฉะนั้นเมื่อต้องการที่จะรักษาแบบทางการแพทย์สมัยใหม่ด้วยวิธีการใช้ยานี้เราควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น